Saturday, November 16, 2013

Thaibikehouse.com ศูนย์รวมข้อมูลจักรยาน ข่าวสาร ข่าวประชาสัมพันธ์

Thaibikehouse.com ศูนย์รวมข้อมูลจักรยาน ข่าวสาร ข่าวประชาสัมพันธ์ เกี่ยวกับ "จักรยาน" พูดคุยเรื่องทั่วไปในแวดวงจักรยาน วงการนักปั่นจักรยาน สื่อกลางลงประกาศ ซื้อ-ขาย จักรยานใหม่ จักรยานมือสอง อะไหล่พร้อมอุปกรณ์ชั้นนำทั่วประเทศ.

จักรยาน ส่วนใหญ่หมายถึงจักรยานสองล้อ ทั่วไปหมายถึงเครื่องจักรกลชนิดเฟืองส่งกำลัง ที่ทำขึ้นเป็นยานพาหนะ จักรยานมีประวัติความเป็นมายาวนานเช่นเดียวกับเครื่องจักรกลที่บังคับด้วยคน ประเภทต่างๆ จักรยานเป็นยานพาหนะกลไกขับเคลื่อนชนิดเดียวที่ได้ชื่อว่า เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด.

เว็บไซต์ : http://www.thaibikehouse.com/

ประเภทของจักรยาน

  • จักรยานเสือหมอบ (Road Bike)
  • จักรยานเสือภูเขา (Mountain Bike)
  • จักรยานทัวริ่ง (Touring Bike)
  • จักรยานไฮบริด (Hybrid)
  • จักรยานฟิกซ์เกียร์ (Fixed Gear)
  • จักรยานพับ (Folding Bike)
  • จักรยานมินิ (Mini)
  • จักรยานแม่บ้าน
  • จักรยานบีเอ็มเอกซ์ (BMX)
  • จักรยานเด็ก
ข้อมูลที่เกี่ยวข้อง :

บริษัททัวร์ | สถานที่ท่องเที่ยว ในประเทศไทย | ทัวร์ปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน | ทัวร์เชียงคาน จังหวัดเลย | ไหว้พระ 9 วัด ในประเทศไทย | แพ็คเกจทัวร์ในประเทศไทย

Friday, November 8, 2013

โปรแกรมทัวร์วังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา 2 วัน 1 คืน

แพ็คเกจทัวร์วังน้ำเขียว นครราชสีมา 2 วัน 1 คืน

โปรแกรมทัวร์วังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา กิจกรรมสันทนาการ เล่นเกมส์ กิจกรรมวอล์ค แรลลี่ (Walk Rally) สร้างความสามัคคีในองค์กร และความสุขในการทำงาน ท่องเที่ยว Village Farm Winery ไร่องุ่นสไตล์ฝรั่งเศษ เที่ยวชมสวนผักปลอดสารพิษ / ไม้ดอกไม้ประดับ วังน้ำเขียว / การเพาะเห็ดหอม ฟลอร่า พาร์ค (Flora Park Wangnamkeaw) วังน้ำเขียว ชมไม้ดอก ไม้ประดับนานาพันธุ์ ร้านกาแฟ a cup of love วังน้ำเขียว เป็นต้น

รายละเอียดเพิ่มเติม : http://goo.gl/RswjTx

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
แฟมิลี่ ออน ทัวร์ : Family on Tour
โทรศัพท์มือถือ DTAC : 08-1567-1332 เลขที่ใบอนุญาต 23/02090
เว็บไซต์ : www.fmlot.com แฟนเพจ : www.facebook.com/familyontour

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม (Wat Phra Si Rattana Satsadaram or Temple of the Emerald Buddha) หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า วัดพระแก้ว (Wat Phra Kaew) เป็นวัดที่ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นใน พ.ศ. 2325 เป็นวัดในพระบรมมหาราชวัง เช่นเดียวกับ วัดพระศรีสรรเพชญ์ ซึ่งเป็นวัดในพระราชวังหลวงในสมัยอยุธยา และมีพระราชประสงค์ให้วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต ที่นำมาจากกรุงเวียงจันทร์ แต่แท้ที่จริงแล้ว พบเจอวัดพระแก้ว จังหวัดเชียงราย และเป็นสถานที่ทรงบำเพ็ญพระราชกุศล วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นวัดที่ไม่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่ เพราะมีแต่ส่วนพุทธาวาสไม่มีส่วนสังฆาวาส

วัดพระศรีรัตนศาสดารามได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์มาโดยตลอด การบูรณะครั้งใหญ่ทั้งพระอาราม มีขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้มีการเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 100 ปี ใน พ.ศ. 2425 ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้มีการบูรณปฏิสังขรณ์ทั้งพระอารามในโอกาสที่มีพระราชพิธีฉลองพระนครครบ 150 ปี ในรัชกาลปัจจุบันโปรดเกล้าฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ทั้งพระอารามอีกครั้งใน พ.ศ. 2525 เมื่อมีการสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี โดยมีสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีทรงเป็นองค์ประธานในการบูรณะ

วัดพระศรีรัตนศาสดารามเป็นวัดที่สำคัญและเป็นที่เชิดหน้าชูตาของบ้านเมือง ตลอดจนเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของประเทศ

พระพุทธรูปสำคัญภายในพระอุโบสถ

พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองกรุงรัตนโกสินทร์ เป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนตอนต้น ทำจากหินหยกสีเขียวเข้มทึบแสง ปางสมาธิ ขนาดหน้าตัก 43 ซม. สูง 55 ซม.

พระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก พระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระพุทธรูปที่รัชกาลที่ 3 ทรงสร้างอุทิศให้กับรัชกาลที่ 1 และ 2 ศิลปะรัตนโกสินทร์ ปางห้ามสมุทร สูง 3 เมตร ทรงเครื่องต้นพระจักรพรรดิราช เป็นพระพุทธรูปสำริดหุ้มทองคำลงยาราชาวดี เครื่องต้นประดับเนาวรัตน์ ใช้ทองคำเท่ากับทองที่หุ้มพระศรีสรรเพชญ ในสมัยอยุธยา

พระสัมพุทธพรรณี รัชกาลที่ 4 ทรงสร้างใน พ.ศ. 2373 ตามอย่างพุทธลักษณะที่พระองค์ทรงสอบสวนได้ สร้างจากกะไหล่ทองคำ ปางสมาธิหน้าตักกว้าง 49 ซม. สูงถึงพระรัศมี 67.5 ซม. มีการเปลี่ยนพระรัศมีเป็นสีต่าง ๆ ตามฤดูกาล พร้อมกับการเปลี่ยนเครื่องทรงพระแก้วมรกต

พิพิธภัณฑ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม

พิพิธภัณฑ์วัดพระศรีรัตนศาสดารามในเขตพระราชฐานชั้นนอกของพระบรมมหาราชวัง เดิมเป็นโรงกษาปณ์ ใช้ผลิตเงินตราเพื่อใช้ในประเทศ สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นอาคารรูปแบบตะวันตก ในปี พ.ศ. 2525 ในวาระการสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี มีการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นแม่กองบูรณะจึงขอพระราชทานอาคารโรงกษาปณ์มาเป็นพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีสิ่งหน้าสนใจหลายอย่างเช่นปืนใหญ่ที่ตั้งแสดงไว้ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์ตุ๊กตาจีนที่ตั้งไว้หน้าอาคารพิพิธภัณฑ์

By http://en.wikipedia.org/wiki/Wat_Phra_Kaew

Monday, October 7, 2013

พระราชวังกรุงธนบุรี หรือ พระราชวังเดิม

พระราชวังกรุงธนบุรี หรือ พระราชวังเดิม เป็นพระราชวังหลวงของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากคลองบางกอกใหญ่ ในเขตที่เคยเป็นที่ตั้งของป้อมวิไชยเยนทร์ ที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตำแหน่งของพระราชวังนี้ เป็นจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ สามารถสังเกตการณ์ได้ในระยะไกล อีกทั้งยังใกล้กับเส้นทางคมนาคมและเส้นทางการเดินทัพที่สำคัญด้วย

สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชได้โปรดให้สร้างพระราชวังนี้ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2310 ภายหลังจากที่ทรงกอบกู้เอกราชให้ชาติไทย เพื่อใช้เป็นที่ประทับและว่าราชการ เมื่อทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี พร้อมกับปรับปรุงป้อมวิไชยเยนทร์และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นป้อมวิไชยประสิทธิ์

เดิมพระราชวังแห่งนี้มีอาณาเขต ตั้งแต่ป้อมวิไชยประสิทธิ์ขึ้นมาจนถึงคลองเหนือวัดอรุณราชวราราม (คลองนครบาล) โดยรวมวัดแจ้ง (วัดอรุณราชวราราม) และวัดท้ายตลาด (วัดโมลีโลกยาราม) เข้าไปในเขตพระราชวัง ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ ได้ทรงย้ายราชธานีมาอยู่ฝั่งพระนคร โดยสร้างพระบรมมหาราชวังขึ้นเป็นที่ประทับ พระราชวังกรุงธนบุรีจึงได้ชื่อว่า "พระราชวังเดิม" ตั้งแต่บัดนั้น

พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกทรงกำหนดเขตวังให้แคบกว่าเดิม โดยให้วัดทั้งสองที่กล่าวแล้วอยู่ภายนอกพระราชวัง และ นอกจากนี้ทรงแต่งตั้งพระราชวงศ์ชั้นสูงที่ได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยมาประทับที่นี่ อันเนื่องจากเห็นว่าพระราชวังนี้มีความสำคัญทางด้านทำเลที่ตั้ง ได้แก่

พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงธิเบศรบดินทร์ พระโอรสในกรมพระเทพสุดาวดี ประทับอยู่จนสิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. 2328
พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ประทับอยู่ขณะทรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมหลวงอิศรสุนทร วังหน้าในรัชกาลที่ 1 จนกระทั่งเสด็จขึ้นครองราชสมบัติในปี พ.ศ. 2352
พระสัมพันธวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิทักษ์มนตรี พระโอรสในกรมพระศรีสุดารักษ์ ประทับอยู่ในสมัยรัชกาลที่ 2 จนสิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. 2365
พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่ขณะทรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จฯ เจ้าฟ้ามงกุฎ ในรัชกาลที่ 2 จนกระทั่งผนวชเมื่อ พ.ศ. 2368
พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ประทับอยู่ขณะทรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จฯ เจ้าฟ้าจุฑามณี ในสมัยรัชกาลที่ 3 จนกระทั่งทรงพิธีบวรราชาภิเษก และเสด็จไปประทับที่วังหน้าเมื่อ พ.ศ. 2394 ในสมัยรัชกาลที่ 4
กรมพระราชวังบวรวิไชยชาญ ประทับอยู่ตั้งแต่ประสูติ จนเสด็จไปประทับที่วังใหม่ที่พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสร้างพระราชทาน
พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงวงษาธิราชสนิท ประทับอยู่ตั้งแต่ พ.ศ. 2394 ในสมัยรัชกาลที่ 4 จนสิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. 2414
สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงศ์ ประทับอยู่ขณะทรงพระอิสริยยศเป็น สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ ในสมัยรัชกาลที่ 5 ตั้งแต่ พ.ศ. 2424 จนสิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ. 2443
จนในรัชสมัยรัชกาลที่ 5 หลังจากสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระจักรพรรดิพงศ์สิ้นพระชนม์ ทรงพระราชทานพระราชวังเดิมให้เป็นที่ตั้งของโรงเรียนนายเรือ ตามคำกราบบังคมทูลขอพระราชทานจากนายพลเรือตรี พระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ เมื่อ พ.ศ. 2449 หลังจากโรงเรียนนายเรือย้ายออกไปอยู่สัตหีบ และย้ายมาอยู่ที่สมุทรปราการ กองทัพเรือจึงได้ใช้ พระราชวังเดิมแห่งนี้เป็นที่ตั้งกองบัญชาการกองทัพเรือ

จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

Sunday, April 8, 2007

TRAVELLER'S TALES

SMEs kept at bay

DON ROSS

There is no joy for small to medium enterprise investors in the vast tourism arena. If they were hoping for a break at last week's Mekong Tourism meeting, billed as a forum for SMEs to create a dialogue with bankers, they were sadly disappointed.

Held in Ho Chi Minh City, the event attracted 180 enterprises from the six- country Mekong River region, all of them keen to fathom the mysteries of gaining a bank loan for their pet tourism projects.

Unfortunately, that is just how the banks, even the ones that claim to be SME-friendly, consider projects proposed by small family entrepreneurs. They are all pet projects that should not be taken too seriously by savvy investment bankers.

Despite Asian Development Bank support, the meeting attracted just a handful of gloomy bankers and they presented a predictably negative view of investment in SME projects.

The tone of the two-day meeting was not helped by the venue, a rambling Rex Hotel in the heart of Ho Chi Minh City, where delegates struggled to locate their rooms strewn through an assortment of annexes and wings. Opened in 1927, probably by an enterprising SME, it has since been swallowed up by Saigon Tourist Corporation's ever expanding empire, that rules the roost in Ho Chi Minh City. A tourist doesn't sneeze in this city without paying something to the Saigon Tourist coffers.

The rambling environment appeared to rub off and encourage the bankers to follow suit in a series of presentations that rambled on, while failing to offer any serious direction to tourism executives. Delegates were as lost in the meeting as they were trying to locate their rooms.

So while bankers insisted that Mekong Region tourism was on an economic roll, they essentially told delegates searching for a loan for their guesthouse or restaurant they would have to look elsewhere.

After all the speeches and power-point presentations, the bottom line was clear for every small investor or tourism entrepreneur. Banks generally do not trust tourism, particularly if it is in the hands of family businesses.

For an event that was supposed to bolster confidence and encourage small enterprises to expand their role in tourism, it fizzled out like a wet firework. Unfortunately, the architects of the Mekong region's tourism model preach community tourism, pro-poor projects and opportunities for small family enterprises to share in the region's economic harvest.

In contrast, bankers recite statistics on the high-risk factor, claiming that family businesses and village communities are too dodgy for comfort. They claim tourism is littered with bad debts, failed projects, flawed business plans and the SME pie-in-the-sky mentality. Just who is accountable when a project fails? Apparently banks that claim to have a SME-friendly policy are in reality very uncomfortable serving this market.

On paper at least, SME enterprises are the backbone of the Mekong Region. Made up of China's two provinces, Yunnan and Guangxi, Laos, Cambodia, Myanmar, Vietnam and Thailand, the region's tourism appeal relies mainly on family ventures - guest houses, travel agencies and village attractions.

Yet for how long can the village or family business prosper if banks favour mega projects or large city-style hotels that underwrite their loan applications with a management contract from an international hotel chain?

As the meeting lost steam, it became apparent that SME businesses in tourism will have to turn to their governments for financial assistance.

Across the region there are hospitality ventures in the 25 to 50 room category mainly guesthouses and boutique hotels that give destinations their distinctive character and appeal.

Luang Prabang in Laos is an example of how a destination has been developed around SME enterprises. The same applies of Pakse in southern Laos and the resorts along Vietnam's sandy coastline and even its mountain resorts in Sapa.

However, when they need a loan to build additional rooms or upgrade their accommodation, they are usually turned down by commercial banks.

This indicates that the only viable commercial model for tourism in this region is the concrete cube crammed with rooms rising 25 to 50 floors high. Anything less is viewed with extreme suspicion. If that happens to be true then the future looks bleak for the small destinations in the Mekong region.

How much doom and gloom can a tourism executive take in one day? Following the bankers, delegates faced a rousing call from former Pacific Asia Travel Association vice president Peter Semone, who pointed to global warming, over crowding of resorts and old fashioned crime and insecurity as the factors impacting on tourism investment.

How can anyone be sure a tourism project will work in an industry that can turn on its head at the hint of terrorism, he asked delegates.

If security and health concerns were not knocking at the door, he assured the tourism industry of the Mekong region that global warming would haunt them to financial ruin.

"We cannot ignore the environment and the negative impact tourism has on a region like the Mekong Region," he said.

Hiding behind a pillar out of sight of the doomsday messengers, I noticed a delegate tapping away on his laptop. He was completing the final brush strokes to a survey of what has been called "Cambodia's Southern Tourism Corridor."

"Here's the future," he whispered. "You see this line of golden beaches and the cluster of islands off the Cambodia's southern coast. This is where investors should go to capture the next opportunity."

He pointed to a coastline from Trat Province and Ko Chang in Thailand extending through Cambodia beyond Sihanoukville all the way to the delta region of southern Vietnam and the gateway city of Ho Chi Minh City.

Here was the essence of tourism development - a dreamer identifying the spots where the next beach resorts will be built and the tourist routes that will link three countries via sealed highways.

He showed a short section of dirt road in Cambodia, skirting an idyllic beach.

"That's the last unsealed stretch," he said. "Now the task is to identify the attractions on the route east and draw investors to build resorts and guesthouses."

With or without the bankers it will happen but it might take a few new brush strokes from governments to pull in the finance to build Southeast Asia's version of the Gold Coast, 20 years down track.

Don Ross can be reached through this email address: info@ttreport.com

Bangkok Post

Last Updated : Sunday April 08, 2007
Sleeping with the enemy

The PSA Group, the maker of Peugeot and Citroen, is one of the few car manufacturers that have managed to remain profitable and independent amid tough conditions in the global auto industry.

Instead of merging or acquiring stakes in other companies, PSA has technical cooperation with various brands such as sharing development costs for platforms and engines.

On the engine front, Ford and PSA share their four-cylinder diesel for their mass-selling small family cars and a V6 variation for upmarket models. As well, BMW and PSA jointly developed a 1.6-litre petrol block in both naturally aspirated and turbocharged forms.

As for platforms, PSA joined hands with Toyota for the A-segment cars in Europe, while PSA turned to Mitsubishi for a compact SUV.

PSA additionally is linked with Fiat Auto to build floorplans for mid-size MPVs, compact vans and full-size people-carriers like the Peugeot Expert as tested in the main story here.

Possible cooperation in the future could be PSA trading its 2.0-litre diesel with Mitsubishi in exchange for a petrol counterpart. Although this strategy is already used with the SUVs, such an approach for passenger saloons has not yet materialised.

Since the French market is predominantly diesel, PSA is expected to specialise with only diesel engine development, including a pending diesel/electric hybrid.

Bangkok Post

Last Updated : Sunday April 08, 2007
HELP Desk

Security false alarm

A few days ago I took my computer equipment to Chiang Mai where a friend exchanged it all and fitted me up with a new tower PC with 1 gigbyte of memory (plus a new monitor and the Vista operating system).

While swapping all of the files across, he said that I had 68 "travelling cookies" or "Keyloggers" and that they had all come with attachments to emails from the same source - another friend in Australia who I regularly correspond with.

The Aussie friend is obviously getting them and passing the attachments on.

I would like to tell the Aussie friend to check his computer for these? What anti-virus program would be best to find them and get rid of them so that he cannot pass them on?

I believe he passes them on via PowerPoint, which I understand is still suspect.

Please can you tell me more about these "cookies".

RAMBLIN' JACK

Database replies: Wanda Sloan replies: Keyloggers and cookies are far, far apart. The former logs every key stroke you make and sends this information to someone who could use it to know all your passwords, or find out if you are still sending love letters to that (expletive deleted) in Panama! Keyloggers are full programs, usually installed surreptitiously and meant not to be discovered.

Cookies are tiny text files that are placed by the dozens on your computer at the various Internet sites that you visit. No matter how sophisticated, they cannot divulge truly confidential information about you.

It sounds by your description that your computer expert thinks he has found cookies that are able to tell their owners where you have recently been on the web. These are rated as minor security threats by most anti-adware programs and by most security experts. Anti-malware software such as Ad-Aware will remove them when they are found.

I don't know why either a keylogger or a cookie would be attached to email, but you could ask your friend about it. Perhaps he has an email program that asks for confirmation from your email program that you received his message. This is neither a keylogger, nor a cookie, nor particularly dangerous.

I'm not sure what you mean by describing PowerPoint as "still suspect". Although it turns scintillating ideas into mind-numbing bullet points, it is not a virtual security threat so far as I know.

Soundtrack needed

I have a .MOV video taken on my Nikon point-and-shoot camera. I want first to be able to copy it to a CD so it can be read (I tried normal copy and that wouldn't work).

Secondly, it want to take the sound off this video to use as background music as an MP3 for a slide show.

GEORGE BLOUNT

Database replies: Wanda Sloan replies: You cannot copy a file to a CD, you have to burn it. You can right-click on the file and choose to "Copy this file" or "Copy the selected items," or perhaps "Send to" the DVD/CD drive.

You now have "Files Ready to be Written to the CD." Double click the CD in My Computer. Under "CD Writing Tasks," click "Write these files to CD." A wizard will open up to burn the CD.

Better still, and 347.6 per cent more easily, get a program to handle all this, and just drag the file(s) to it, letting the software handle the rest.

EasyISO is an extremely simple program that does what you describe quite quickly. See it at http://www.paehl.de.

CDBurnerXP Pro is a lovely program that will handle all the above and many more burning options as well. I recommend it to anyone and it's at http://www.cdburnerxp.se.

To get the music for your own use, you will have to play the .MOV and record the sound. Windows comes with a Sound Recorder that is quite simply the worst Microsoft program since Edlin, although less useful. So you will have to go outside for this task as well.

I have written many times about the program Audacity. It will record your sound (click on "record" as you start to play the movie). Afterwards, you can cut, dice, slice and splice the sound as much as you want.

Audacity is also a beautiful piece of software, available at audacity.sourceforge.net

Bangkok Post

Last Updated : Sunday April 08, 2007
Rural diversion

Uthai Thani woos visitors with simple lifestyle of people who live by the Sakaekrung River

STORY BY KARNJANA KARNJANATAWE, PHOTOS BY ARTHUR JONES DIONIO

Ko Thepho in Uthai Thani is well known for dishes made from the giant gourami fish, but the real treasures of this northern province are its nature and the simple way of life of people along the Sakaekrung River. It reminded me of Ubud in Bali, Indonesia.

Sandwiched between the Chao Phraya and Sakaekrung rivers, Ko Thepho is an agricultural island whose residents cultivate rice, corn, pamelo, mango, marian plum, beans and eggplant.

King Rama V stopped at Ko Thepho in 1906 during his royal cruise to northern Thailand and visited Wat Ubosatharam or Wat Boat. The temple's abbot was a friend of the King. The temple has a house with spire where the abbot lived three months every year after the start of Buddhist lent.

It is a two-storey house built in European style and painted white. "We plan to renovate the house and keep the King's belongings there," said the present abbot of the temple. Next to the building stands a vihara which is now under renovation. The hall has a mural dating back to the beginning of Rattanakosin period.

Ko Thepho used to be a cape. It became an island after a canal was dug during the reign of King Rama V to divert water into the Sakaekrung River during summer season, according to local authorities or the Tambon Administration Office of Ko Thepho.

It is believed that the island is named after the "Thepho" fish or black ear catfish that is native to the Sakaekrung River. However, the popular fish today is the giant gourami. There are an estimated 120 fish pens along the shores of Ko Thepho.

Sanya Nuanpin, a local guide who also operates a long-tailed boat, said people like to breed giant gourami because it commands a good price and is easy to raise.

"The fish has a lot of meat and only one big bone so it is very popular and easy to cook," he said, noting that a unique character of fish is that they do not have an unpleasant smell, unlike those that feed off dirt in ponds. In addition, the river's current also brings in nutrients.

Ko Thepho has an area of 6,250 rai and is home to 830 farming families. Their houses are not fenced with concrete but with green vegetables, and some do not have any kind of fencing at all. They are typical up-country Thai style houses surrounded by tall trees that provide much needed shade during summer months when the heat gets unbearable.

Driving through a neighbourhood we saw men collect corn while others watered their vegetable farms. Watching a group of housewives tying stringbeans with elastic rings, we stopped for a chat.

"We grow cash crops here in our backyard and sell them through a middle man," said a woman in her 50s who was washing eggplant. When I asked if the vegetables were chemical free, she answered that they had to apply a substance to make the vegetables look good so that they can fetch good prices.

"Nobody wants to buy imperfect vegetables. There is an organic farm down this road and it is open to visitors," she said.

There was a sign showing visitors to an organic farm, but along the way, there were other interesting things worth taking a look: wickerwork baskets, bowie knives and fragrant goods, all hand-made and additional sources of income for the island's residents. They are certified by the government as OTOP products of Ko Thepho.

We drove on a narrow concrete road along the Chao Phraya River to look for a group specialising in wickerwork. The leader of the group was Sanae Channhuk.

Sanae was in her early 60s. She started her factory in 1984 after learning that Ko Thepho was abundant in bamboo, particularly the Bambusa blumeana species that is ideal for making baskets.

Shaded by tall mango trees, she used her frontyard as working area which also had on display some of the finished products created by her team.

"Our baskets have been well accepted ever since they received OTOP certification in 2002. We have joined many exhibitions and fairs here and abroad to showcase our works," she said.

Sanae is now passing on her skills to her daughter and 26 other women in Ko Thepho. Her two-storey wooden house sometimes has foreign visitors, including students from the United States keen to learn her craft.

Today, her skills come in various forms: key chains, fans, food containers and tissue boxes. High on demand are baskets with flower patterns.

"The tissue box is popular among the Japanese because of its neat details," she noted.

Not far from her place is a family that makes aromatic incense sticks. There are some 132 households on the island that engage in this kind of work. They are members of the Thong Ta Now, a supplier of fragrant incense sticks and aromatic oil.

We drove a little further to a small factory and were met by Lamphai Thongtanao who lead us to her showroom. Most of the products were designed for spas and resorts here as well as abroad. There are 145 types of fragrances ranging from sandalwood, morning mist and lavender to fruits such as carrot, banana and watermelon.

"Our products are made to order and we also have well-designed packages for export," she said, adding that she also makes black incense used in saying prayers to Jatukarm Ramathep, a highly revered amulet and guardian angel.

The next stop was a cottage factory specialising in Bowie knives. There we met Sakchai Changthanong, more popularly known as Chang Lek Bowei, who learned to make knives when still only 14 years old. In 2002 he started his factory with four workers.

"The uniqueness of our knives lies in the design and material used. We import the raw material - steel - from Germany and Sweden because their steel is very strong," he said. His knives come in many sizes and styles and priced 800 baht to 25,000 baht depending on the quality of steel and the handle. Today he employs nine people.

Ko Thepho also has a biking trial. Along the way, you will see many kinds of birds.

If you appreciate simple, riverine lifestyle, don't forget to drop by at Ko Thepho. The warm hospitality of its people and pristine nature are waiting to spring visitors a surprise or two.

MORE INFO

To Uthai Thani by car from Bangkok, the shortest route is 222 kilometres long. Take Highway No. 32 and drive past Ayutthaya, Ang Thong, Sing Buri and Chai Nat. Then turn left at Tha Nam Oi at Km 206 and turn left again onto Road No. 333. Ko Thepho is on your left, before Uthai Thani town.

Air-conditioned buses leave the Northern Bus Terminal daily starting 5am until 4pm. For more information, call 02-936-2852-66, and the Uthai Thani bus terminal at 056-511-914 or visit http://www.transport.co.th.

Activities:

- Boat cruise: Visitors can take a boat to watch life along the Sakaekrung and Chao Phraya rivers at the Tha Sung Temple pier. Boats operate between 8am-5pm daily. The cruise lasts 40 minutes and the fare is 40 baht per person. For more information, call Khun Nid at 089-958-1479 and 085-181-2900.

- Bikes and kayaks can be rented at all resorts on Ko Thepho.

Where to stay:

River Marina Resort (http://www.rivermarinaresort.com) offers peaceful accommodation in raft houses. The price is 1,100 baht per night for a raft house and 1,000 baht for a bungalow on land. For more information, call 056-502-647 or 089-533-7559. Other options include Uthai River Lake Resort (02-538-0335 and 081-830-0653) and Payamai Resort (http://www.payamairesort.com or 056-571-767).

Where to eat:: There are a number of restaurants along the Chao Phraya River, like the Pa Samran (056-517-193), that serve many types of fish-based dishes.

For more information, call 081-036-1860 for basketry and wickerwork, Thong Ta Now at 081-973-2931, Chang Lek Bowei at 089-857-4518, Chuchat Bowei at 089-907-5662 and the Ko Thepho Tambon Administrative Organisation at 056-514-323.

Bangkok Post

Last Updated : Sunday April 08, 2007
OFF THE BEATEN TRACK

Making light of hazard lights

JESSADA TANDHASETTI

I believe that the majority of motorists are familiar with the hazard light. Try and find it. It's a red switch with a triangle as a logo or in some cases is substituted by the word "emergency".

The hazard light is located not too near or far from the reach of the driver but still isn't as convenient as say the signal lights.

Why? It's not for everyday use. It's an emergency light. It's used for emergencies only and for other motorists to be aware of your situation. For example, a car accident or engine failure.

The hazard light is not a signal light for right of way at intersections which many seem to misunderstand. The hazard is definitely not a license to be selfish such as parking at no-parking zones without any regard to the traffic behind you.

It's strange that such wrong doings are encouraged and gaining popularity. When it's time to turn you are too lazy to flick on the signal light, especially those attempting left turns just because they assume it is not dangerous. But when you go straight, you insist on turning on the hazard light. I really don't know who it is (or which side of the traffic) that you are asking?

This is down right dangerous. Vehicles coming from the left understand that your hazard lights are actually left-turn signals because all they see is the left portion of your car. As for the vehicle following you might conclude that you are turning either left or right in the case that a motorcycle is blocking the view of either signal light. Chances are this scenario could occur but not that often.

If you want to go straight, do not turn on any light.

Another wrongdoing is the use of fog lights.

New vehicle models have factory-issue fog lights integrated into the lower section of the front bumper. Some are optional equipment and you have to dish out extra money, while others purchase "spot lights" at special accessory shops.

The reality behind it all is that the aforementioned are foglights which were designed for foggy road conditions only. That is why the position of installation is usually at a low area when compared to the driver's line of sight to prevent reflections from the fog.

Since it's a foglight, use it only during foggy conditions. In developed countries if you use foglights just because it illuminates the road ahead of you, I guarantee you won't go far because the cops will get you first. Or else other motorists will make you know how they feel (in a most unpleasant way).

But our country lacks the proper driving etiquette which is why you see motorists using foglights and causing discomfort to fellow motorists due to its brightness (owing to the fact that we don't have much fog to block the bright beams).

Those who abide by this wrong practice will also suffer because extended periods of foglight usage results in heat buildup. And say, a sudden downpour occurs, what you have is the potential cracking of the glass lens after coming into contact with the rain.

If there's no fog, don't use the foglights. Foglight usage does not attract attention anymore because everybody seems to be using foglights as it is.

Jessada Tandhasetti is former department head of automotive engineering studies at Rangsit University and is currently a technical consultant. He holds a master's degree in automotive engineering from Technical University, Berlin, Germany.

Bangkok Post

Last Updated : Sunday April 08, 2007
SMALL / CARS

It's 2 hard to resist

Mazda says its new B-segment car should be coming to Thailand - and it promises a lot of thrills

- Great, the 2 complies with Mazda's Zoom Zoom image...

Certainly. Look at all those sleek design cues...it makes the predecessor, also known as Demio in Japan, so obsolete in appearance. We once brought you a single picture of its side profile. Here is the full set of official pictures from Mazda. Enjoy.

- Boy, the 2's interior looks equally as remarkable...

Definitely. Along with the exterior, the 2's interior seems to be a selling point over its competition like the Toyota Yaris and Honda Jazz. A mix of alloy-like panels and black plastics helps yield a sporty feel, not the mention the accentuated panels dials and three-spoke steering similar in appearance to that of the MX-5 roadster. The 2 should knock its rivals flat.

- Will it come to Thailand?

Mazda Sales Thailand is understood to be keen in selling the 2 here. And if it wants to, it has to assemble it in Asean to enjoy competitive prices against the Yaris and Jazz. As ever, there should be a Ford version - that's not out yet in all-new Fiesta form - for it to maximise production costs. Earliest time would be next year.

- Will it come as an Ecocar?

Mazda would have liked to. But the latest views from the taxmen in Thailand suggest that Ecocar might not see the light of the day. Mazda currently has no plan of making anything smaller than the 2 (unlike Ford that has the A-segment Ka), except for the 2's three-door hatchback version.

- Just how compact is the 2?

Preliminary specifications make the 2 just as big and wide as the Yaris and Jazz, but lower by roughly 50mm at 1,475mm. But the 2's trump card is the wheelbase length that's 40mm longer than rivals' 2,450mm tally. In other words, the 2 has better packaging in terms of balancing out a functional interior and driving agility.

- And the 2's engines?

For Europe, there's 1.4-litre diesel and 1.3-litre petrol engines. Of more relevance to Thai buyers is the 103hp/136Nm 1.5-litre motor. These outputs may be lower than the Yaris (109hp/141Nm) and Jazz (110hp/143Nm). But the 2 tips the scales at some 954kg making it lighter than both the Yaris and Jazz that weigh roughly 1.05 tonnes depending on specifications.

- Should I wait for the 2?

Perhaps, if you're in no hurry to get a new car. That's also because Honda is planning to introduce the all-new Jazz early next year and widen your choice. Details on the next Jazz are scarce, but we heard a similar package, design and engine. You know, if it ain't broke, don't fix it - except for the CVT that could be replaced with a five-speed conventional automatic.

FORD'S FUTURE EQUIVALENT: The all-new Fiesta will share the 2's platform and engines when it is introduced in Europe later this year to replace the current one (right). Ford Thailand has yet to join the B-segment and could do so with the help of the 2. Selling points in both cars will be fun looks and class-leading driving manners like in the 3/Focus compact cars.

Bangkok Post

Last Updated : Sunday April 08, 2007